ดร.นพรุจ เวชกุล ประธานกรรมการ บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีความ จากที่ทางรายการ “เปิดปม” ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ “ไทยพีบีเอส” นำข้อความอ้างอิงว่าจะเปิดปมคดีแชร์ลูกโซ่ ในกรณีบริษัทขายตรงแห่งหนึ่ง โดยพาดพิง “นีโอ ไลฟ์” ว่า เป็นธุรกิจขาย ตรงที่ส่อไปในทางหลอกลวงผู้บริโภค และ เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ซึ่งผิดกฎหมาย โดยในตอนนี้ถือเป็นข่าวดีที่ทางบริษัทได้รับหนังสือ ยืนยันจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังยื่นหนังสือยืนยันว่า บริษัท นีโอไลฟ์ จำกัด ไม่ได้เข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. ๒๕๔๕
“จากคดีความดังกล่าว ในช่วงกลาง ปีที่ผ่านมา ที่สถานีโทรทัศน์ “ไทยพีบีเอส” ได้มีการนำเสนอ เกี่ยวกับเรื่องของธุรกิจขายตรง ถึงบริษัทที่กระทำการโดยมิชอบ ออกอากาศผ่านรายการ “เปิดปม” ซึ่งมีการกล่าวหาว่า บริษัท นีโอ ไลฟ์ เป็นบริษัท ที่กระทำการโดยไม่ซื่อ มีการดึงคน หรือ ประชาชนเข้าไปในธุรกิจ เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ จนเป็นที่มาของข้อกล่าวหาบริษัท”
เมื่อข่าวดังกล่าวได้แพร่สะพัดออกไปได้สร้างความเสียหายให้กับทางบริษัทเป็นอย่างมาก ซึ่งสามารถประเมินความเสียหายได้ประมาณเกือบ 1 พันล้านบาท โดยบริษัทต้องทำการรุกตลาดมากขึ้นกว่า เดิมหลายเท่า คือจัดโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม แต่สุดท้ายเมื่อผลพิสูจน์ออกมาว่าบริษัทไม่ได้เข้าข่ายการกระทำความผิดอย่างที่ถูกกล่าวอ้าง โดยมีหนังสือรับรองจาก ดีเอสไอ ซึ่งมีใจความสำคัญดังนี้
ในการนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ จัดให้มีการประชุมขึ้นในวันที่ ๓o มีนาคม ๒๕๕๔ ซึ่งที่ประชุมได้มีอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตามความเห็นของผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่มีความเห็นว่าพฤติการณ์ของบริษัท นีโอ ไลฟ์ จำกัด ว่าไม่เข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ขายตรงและตลาดขายตรง พ.ศ. ๒๕๔๕ จึงได้ยุติเรื่อง รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ลงชื่อ “นายธาริต เพ็งดิษฐ์” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
นอกจากเรื่องของคดีความดังกล่าว ที่สิ้นสุดลง ในอนาคตบริษัทยังต้องการสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จัก และพัฒนา บริษัทให้มีความมั่นคงในระยะยาว โดยทาง บริษัทจะขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งปลายปี 2553 บริษัทได้ไปเปิดสาขาที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน ลาว โดยมีทั้งหมด 5 แขวง
ซึ่งต่อจากนี้ บริษัทยังต้องการขยาย เพิ่มไปที่ประเทศเวียดนาม, จีน และสิงคโปร์ ซึ่งในประเทศจีน และประเทศเวียดนาม คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม แต่ ในประเทศสิงคโปร์ กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างสำนักงาน โดยนีโอไลฟ์มุ่งหวังจะเป็นธุรกิจระดับภูมิภาคภายในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งงบประมาณในการลงทุนในต่าง ประเทศนั้นขึ้นอยู่กับการเติบโต และจำนวน สมาชิกของประเทศนั้นๆ อย่างประเทศลาว ใช้งบแล้วไม่เกิน 100 ล้านบาท ประเทศเวียดนามประมาณ 50 ล้านบาท โดย ต้องพิจารณาในการเติบโตของสมาชิกที่ ประเทศนั้นๆ
“การดำเนินธุรกิจขายตรงในช่วงแรก ถือว่าเป็นการวางรากฐานของบริษัท โดยช่วงแรกบริษัทได้กำหนดนโยบายที่มุ่งสร้างกลุ่มผู้ใช้สินค้า ต่อมาผลักดันกลุ่ม ผู้ใช้สินค้าให้เป็นสมาชิก และส่งเสริมสมาชิกให้กลายเป็นผู้ประสบความสำเร็จจากระบบธุรกิจของบริษัท ด้วยแผนการตลาดแบบไบนารี่ที่มุ่งนำเสนอความมั่นคง ของบริษัท ทำให้มีผู้ประสบความสำเร็จ และสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากสร้างกลุ่มสมาชิก และกลุ่มผู้ใช้สินค้าให้ประสบความสำเร็จแล้ว สิ่งต่อมาคือการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างด้วยการโฆษณา ประชาสัมพันธ์แบรนด์ตามสื่อ ต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าบริษัท นีโอ ไลฟ์ จะสามารถ เข้าถึง และเป็นที่รู้จักของประชาชนประมาณ 80%” ประธานใหญ่บริษัท กล่าว
ขณะเดียวกันทางบริษัทจะมีการปรับ เพิ่มจานดาวเทียมปลายปีนี้จาก C Band เราก็จะเพิ่มเป็น KU Band เพื่อรุกคนในเมืองจริงๆ ต้องยอมรับว่านีโอ ไลฟ์ทำทีวีขึ้นมา เพราะฐานลูกค้าของบริษัทเปลี่ยน แปลงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และจานดาว เทียม C Band เป็นจานดาวเทียมขนาดใหญ่ ซึ่งคนเมืองไม่นิยมใช้ และการปรับเปลี่ยน ครั้งนี้ก็เพื่อต้องการเข้าถึงกลุ่มคนเมืองมากขึ้น อีกทั้งเป็นการสร้างภาพลักษณ์การประชาสัมพันธ์ต่างๆ ให้กับนักธุรกิจ อย่างไรก็ดี บริษัทยังเสริมช่องทาง ในการประชาสัมพันธ์ โดยมีนโยบายในการ ทำตลาดของฟรีทีวีมากขึ้น โดยอาจเข้าไป เป็นแขกรับเชิญในรายการต่างๆ อาทิ การ ประชาสัมพันธ์ช่วงข่าวสังคมธุรกิจ เวลา หลังเที่ยงวันทันเหตุการณ์ และรายการ TV POOL ทางช่อง 5 เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมาย ไปยังวัยรุ่น “ด้วยเหตุนี้ บริษัทคาดว่าภายใน 4-5 ปี บริษัทนีโอ ไลฟ์ ต้องเป็นที่ยอมรับใน ธุรกิจขายตรง และประชาชนทั่วไป โดยบริษัทยังมีแผนผลักดันตัวเองเข้าสู่ตลาด หลักทรัพย์ เพราะยังมีบางคนที่ไม่ชอบขายตรง แต่สามารถมีรายได้ก็สามารถเข้า มาซื้อหุ้นของบริษัทได้” สำหรับเป้าหมายยอดขายที่ได้ตั้งไว้ ต่อเดือน คือ 3.5 พันล้าน ขณะนี้ผ่านไป 5 เดือนทำได้ถึง 45% ของเป้าหมาย ถึงแม้ไตรมาสแรกยังไม่เป็นไปตามเป้า เนื่องจาก ประสบปัญหาอุทกภัย ทำให้ต้องชะลอการ สั่งซื้อสินค้า แต่ในช่วงไตรมาสที่สองคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าที่คาดไว้ เพราะมีการ จัดโปรโมชั่นการท่องเที่ยว และการออกสินค้าตัวใหม่ คือ “สเต็มเซลล์” โดยจะมีการเปิดตัวในงานฉลองครบรอบ 11 ปี นีโอ ไลฟ์ ที่เมืองทองธานี และตัวสินค้าที่มียอด ขายที่สูงที่สุดคือ อาหารเสริม รองลงมาคือ สมุนไพรจีน เครื่องสำอาง สินค้าอุปโภคบริโภค
ทั้งนี้ ทางบริษัทยังกำลังจะขยายสำนักงานใหญ่อีกแห่งหนึ่ง บริเวณรังสิต ซึ่งอยู่ในระหว่างการเจรจารายละเอียด โดยงบลงทุนในการเปิดสำนักงานใหม่ใช้ งบประมาณ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งจะทราบ ผลในปลายเดือนมิถุนายน และสามารถ เข้าอยู่ได้ประมาณต้นปีหน้า
ข้อมูลจาก http://www.siamturakij.com/