วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

นีโอไลฟ์ ขายตรงตรที่ทำเป็นอาชีพหลักได้

       เมื่อพูดถึงอาชีพโดยทั่วไป เชื่อได้เลยครับว่ามีคนนึกถึงขายตรงน้อยมาก ไม่ใช่ว่าขายตรงไม่ดี แต่เป็นเพราะคนทั่วไปอาจจะไม่ค่อยได้ทำความรู้จักธุรกิจนี้มากนัก เมื่อไม่รู้จักก็มักจะไม่อยู่ในความนึกคิด......
       แต่ในความเป็นจริงแล้วขายตรงเป็นธุรกิจที่ยึดเป็นอาชีพหลักได้ มีคนเรือนแสนเรือนล้านที่มีรายได้จากธุรกิจขายตรงเป็นทั้งอาชีพหลักและอาชีพ เสริมอย่างที่เคยเขียนถึงว่าคนไทยทั่วประเทศที่เป็นสมาชิกบริษัทต่างๆ มีรายได้จากขายตรงปีละกว่า 12,000 ล้านบาท หรือ หากเก็บตัวเลขในตลาดขายตรงอย่างละเอียด ไม่รวบรวมอย่างหยาบๆ เหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เชื่อว่าน่าจะมากกว่า 20,000ล้านบาท
.......นี่คือตัวเงินที่เป็นรายได้เข้าสู่ครัวเรือนคนไทยทั่วประเทศที่มีอาชีพทำธุรกิจขายตรง ซึ่งไม่รวมที่เป็นผู้ประกอบการวันนี้อยากจะเขียนถึงเรื่องนี้ให้คนไทยได้เห็นความน่าสนใจของขายตรงกันให้มากขึ้นครับโดยหลักๆแล้วขายตรงแยกเป็น 2 ระบบ คือขายตรงชั้นเดียว หรือ Single Level Marketing และขายตรงแบบหลายชั้น หรือ Multi Level Marketing ขายตรงชั้นเดียว อย่างเช่น เอวอน, มิสทิน, ยู สตาร์ ฯลฯส่วนขายตรงหลายชั้น ก็มีอย่าง แอมเวย์, กิฟฟารีน, นู สกิน, คังเซน เคนโก, นีโอไลฟ์ ฯลฯ
       สิ่งหนึ่งที่อยากย้ำกับคนไทย ก็คือ ขายตรงเป็นธุรกิจที่มีกฎหมายรองรับ ดูแลมาตั้งแต่ปี 2545 มีหน่วยงานรัฐคือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือสคบ.เป็นผู้ดูแลทุกบริษัทที่เปิดทำธุรกิจขายตรงต้องไปยื่นขออนุญาตจาก สคบ.เพื่อทำธุรกิจขายตรงเป็นการเฉพาะเพิ่มเติมจากการจดทะเบียนเป็นบริษัท ปกติที่ต้องทำอยู่แล้วการยื่นขออนุญาตสคบ.ต้องแสดงเอกสารหลักฐานบริษัท ผู้บริหาร ผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น มีใบอนุญาตอย. ที่สำคัญต้องแสดงแผนการจ่ายผลตอบแทนให้พิจารณาตรวจสอบ เพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่ใช่แผนรายได้ที่เป็นการทำมันนี่เกมบริษัทที่ได้รับอนุญาตจึงเท่ากับได้ผ่านการตรวจสอบตามกฎหมายจากสคบ.ช่วยเป็นหูเป็นตาแทนผู้บริโภคในเบื้องต้นขายตรงยุคนี้จึงเปลี่ยนไปและแตกต่างจากยุคเมื่อ10 ปีที่แล้วมากทีเดียวครับ ทั้งจากที่มีกฎหมายดูแล และคนทั่วไปเริ่มเข้ามาทำเป็นอาชีพกันมากขึ้นที่เห็นได้ชัดเจนก็คือคนรุ่นใหม่เข้ามาทำกันอย่างจริงจัง และประสบความสำเร็จกันจำนวนมากอย่างที่ นีโอไลฟ์ ก็มีตัวอย่างคนที่ยังเป็นนักศึกษาด้วยซ้ำไป ที่ทุ่มเททำจริงจังต่อเนื่องจนประสบความสำเร็จมีรายได้เดือนละหลายหมื่นบาทยังไม่รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่เรียนจบระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ทั้งคนที่เป็นวิศวกร พนักงานบริษัท ธนาคาร นักธุรกิจ อาจารย์ ฯลฯ
       หลายคนลาออกจากงานเดิมที่มีรายได้เดือนละหลายหมื่นบาท หันมาทำธุรกิจกับนีโอไลฟ์ต็มเวลาเป็นอาชีพหลัก และสามารถสร้างธุรกิจมีรายได้หลักแสนบาท/เดือน โดยใช้เวลาไม่นานนักหากทำงานรับเงินเดือนในอาชีพเดิม การจะมีรายได้หลักแสนอาจต้องใช้เวลานับปี หลายสิบปี หรืออาจจะไม่มีทางได้ถึงหลักแสนเพราะอัตราเงินเดือน ไม่ถึงระดับนั้น
แต่ในธุรกิจนี้จะเรียนจบอะไรมาไม่สำคัญครับ ทุกคนสามารถก้าวไปมีรายได้หลักหมื่น หลักแสนหรือหลักล้านบาท/เดือนได้ หากตั้งใจมุ่งมั่นทำจริงไม่เลิกไปเสียก่อน
      นอกจากที่นีโอไลฟ์แล้วยังมีตัวอย่างให้เห็นอยู่ในหลายบริษัทและที่น่ายินดีแทนคนวงการขายตรงก็เห็นจะเป็นการที่รัฐบาลยุคหลังๆ มานี้ ตั้งแต่ยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เริ่มเห็นความสำคัญถึงขนาดที่ยกให้เป็นธุรกิจช่วยชาติหรืออย่างล่าสุด รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็มองขายตรงเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอาชีพให้คนไทย และยกให้เป็นหนึ่งในโครงการต้นกล้าอาชีพขายตรงวันนี้เปลี่ยนไปจากเดิม ใครที่ยังไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นว่าขายตรงเป็นอาชีพได้อย่างไร ลองเข้าไปศึกษาดูนะครับเพราะหลายคนมีรายได้ที่ดี หรือร่ำรวยมีคุณภาพชีวิตที่ดีกับธุรกิจนี้ ก็มาจากคนที่ไม่เคยรู้จักขายตรงมาก่อนขายตรงสร้างชีวิตที่ดีกว่าและยึดเป็นอาชีพได้มานักต่อนักแล้วครับ

วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ทำงานออนไลน์....นั้นดีจริงหรือ..??

ถ้าพูดถึง การทำงานออนไลน์แล้วละก็สิ่งที่มาคู่กันในตอนนี้คือ MLM หรือธุรกิจเครื่อข่ายนั่นเองครับและสิ่งที่ผมจะมาแบ่งปันในกับทุกท่านทราบกันในวันนี้..คือ การทำงานออนไลน์กับ นีโอไลฟ์ การทำงาออนไลน์กับนีโอไลฟ์ นั้นไม่ยากอย่างที่คิดเลยครับ แค่มีเวลาวันละไม่กี่ชั่วโมงคุณก็สามารถมีรายได้ได้ งานนี้ก็ไม่ได้หนักอะไรมากมายแค่เราคอยโปรโหมดเว็บตัวเอง คอยเช็คอีเมล์ของตัวเองแต่คุณกำลังจะบอกผมว่าทำงานออนไลน์ไม่เป็น ไม่เคยโปรโหมดเว็บมาก่อน คุณหยุดคิดไปได้เลยครับเพราะทางทีมงาน นีโอไลฟ์ ของเรานั้นได้ทำระบบห้องเรียน ออนไลน์ ไว้ให้คุณศึกษาแล้ววันนี้และที่สำคัญฟรี...ด้วยครับและคุณสามารถทดลองใช้ได้เลยครับโดยที่ยังไม่ต้องร่วมธุรกิจของเราอย่างไรก็ตามการ ทำงานออนไลน์ นั้นหากคุณมีความสนใจและมุงมั่นที่จะทำอย่างจริงจังแล้วผมรับรองว่าไม่ช้าคุณก็จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนเพราะการ ทำงานออนไลน์ กับ นีโอไลฟ์ นั้นเราทำกันเป็นทีม มีคนคอยให้ช่วยเหลือและคำปรึกษาอยู่ตลอดเวลา อย่างที่ผมได้ประสบกับตัวเองตอนนี้ก่อนที่ผมจะเข้ามา ทำงานออนไลน์ นั้นผมเองก็ไม่เคยทำงานออนไลน์ แบบนี้มาก่อน ไม่เคยโปรหมดเว็บมาก่อนแต่เมื่อได้เข้ามาทำงานออนไลน์กับนีโอไลฟ์นั้น ผมก็ได้อะไรหลายๆอย่าง จนทำให้ผมได้เข้าใจการทำงานออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งไม่อยากอย่างที่คิด เพียงแค่คุณลองเปิดใจแล้วเข้ามาร่วมงานกับเรา มาทำงานออนไลน์กับนีโอไลฟ์ผมแลทีมงานของนีโอไลฟ์ยินดีให้คำแนะนำและคำปรึกษาทุกเรื่อง ผมเชื่อว่าหากคุณเข้าร่วมทำงานออนไลน์นี้จะทำให้คุณมีความสุขได้ และประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนอย่างที่หลายๆคนแสดงให้กับการประสบความสำเร็จมาแล้วนับไม่ถ้วนจากคนที่ไม่รู้จักการทำงานออนไลน์ไม่เคย ทำงานออนไลน์ มาก่อนก็เป็นคนมีเงินมีทองมากมายจากการทำงานออนไลน์

ร่วมทำงานออนไลน์กับนีโอไลฟ์

วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

"นีโอไลฟ์" ติดอันดับ top 1 MLM ของไทย


 ‘นีโอไลฟ์’ โตต่อเนื่องพุ่งชน 2,700ล้านบาท

"นีโอไลฟ์" ติดอันดับ 1   ในธุรกิจเครือข่ายของไทย ที่ไม่มีการรักษายอด
ไม่หวั่นแม้โดนสื่อนอกวงการโจมตี บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่นำทัพโดย “นพรุจ เวชกุล” ในปี 2552 ก็เคยทำยอดทะลุเป้าไปแล้วที่ตัวเลข  1,850 ล้านบาท
มาปีนี้มองข้ามไม่ได้จริงๆ สำหรับค่ายนี้ เมื่อต้นปีตั้งเป้าหมายไว้ที่ 2,500 ล้านบาท แต่บทจะแรงอะไรก็เอาไม่อยู่! เพราะจากอัตราการเติบโตในแต่ละเดือนของนีโอไลฟ์ ก้าวกระโดดไปมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากการรุกสื่อโฆษณาทุกด้านทั้งสื่อสิ่งพิมพ์และโทรทัศน์ ที่มีทั้งสถานีของตัวเองและการโปรโมทออกช่องทีวีอื่น  การทำงานในรูปแบบออนไลน์ ทำให้ยอดสิ้นปี 2553 ที่ 2,700 ล้านบาท หรือโตเพิ่มขึ้นเกือบ 50% กลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาในทันที!!   

วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เปิดผลสรุปยอด ‘ปี2553’ สัญญาณ MLM เดือดรับปีเถาะ!



     เริ่มต้นศักราชใหม่มาไม่กี่วัน ผลประกอบการของหลายค่ายขายตรงตลอดปี 2553 ที่ผ่านมา เริ่มจะถูกเปิดเผยออกมาสู่สังคมกันแล้ว แม้บางค่ายไม่มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ แต่จากข่าววงในที่หลุดออกมาเป็นระยะ ตัวเลขคงไม่หนีกันเท่าไหร่นัก สกู๊ปพิเศษ “เส้นทางนักขาย” ฉบับนี้จึงขอรวบรวม ผลประกอบการของบริษัทขายตรง “เฉพาะกลุ่ม MLM” ทั้งเก่าและใหม่ ที่ถือได้ว่ามียอดขายที่กำลังอยู่ในความสนใจของผู้คนทั้งวงการในขณะนี้!

‘แอมเวย์’ แน่นหนึบแท่น ‘แชมป์’ ทะลุเป้าโกย 14,370 ล้าน!

เริ่มต้นที่ค่ายยักษ์ใหญ่ของวงการขายตรง บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ภายใต้การคุมบังเหียนของบิ๊ก “ปรีชา ประกอบกิจ” และ “กิจธวัช ฤทธีราวี” ที่จนถึงขณะนี้ แม้จะยังไม่มีการออกมาประกาศตัวเลข ผลประกอบการอย่างเป็นทางการกับสื่อมวลชน แต่ “เส้นทางนักขาย” ก็แว่วมาจาก “ข่าววงใน” ว่า “ชาวแอมเวย์” ทุกคนได้เฮฉลองยอดขายทะลุเป้าหมายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

     โดยจากเป้าหมายที่ยักษ์แอมเวย์ได้เคยตั้งเส้นชัยเอาไว้ในปี 2553 คือ การเติบโตสู่ตัวเลข 14,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้ บริษัทฯได้มีการประกาศผล สรุปออกมา ให้ผู้นำระดับสูงทราบเป็น การภายในเรียบร้อยแล้วว่า ปีที่ผ่านมา มีตัวเลขยอดขายอยู่ที่ “14,370 ล้านบาท”

     นั่นหมายถึงว่า “แอมเวย์” ทำยอดได้ทะลุเป้า!! หรือ เติบโตขึ้นประมาณ 11% จากปี 2552 ที่มีตัวเลขยอดขายอยู่ ที่ 13,300 ล้านบาท เร็วๆ นี้ “ยักษ์แอมเวย์” คงเตรียมออกมาแถลง “ข่าวดี” กับการ “รักษาตำแหน่งแชมป์” ในครั้งนี้อย่างเป็นทางการ ภายในเดือนมกราคมอย่างแน่นอน!!

‘กิฟฟารีน’ วิ่งสู้ฟัดนั่งรองแชมป์กวาด 4,912 ล้าน

     ทางด้านของ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ที่มี “พญ.นลินี ไพบูลย์” นั่งเก้าอี้คุมเกมอยู่ ได้ออกมาแถลงผลประกอบการอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมาว่า สามารถทำยอดขายไปได้อยู่ที่ตัวเลข “4,912 ล้านบาท”!!

     เรียกได้ว่าทำได้ใกล้เคียงเป้าหมายที่วางไว้ที่ 5,000 ล้านบาท และยังคงครองตำแหน่ง “รองแชมป์ MLM” ไว้ได้ โดยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ที่มีตัวเลขอยู่ที่ 4,640 ล้านบาท หรือ เติบโตขึ้นประมาณ 14%
ส่วนในปี 2554 นี้ “กิฟฟารีน” ขอตั้งเป้าหมายการเติบโตอยู่ที่ 5,500 ล้านบาท

‘เอมสตาร์’ พลาดโค่นแชมป์ แต่พุ่งสู่ ‘TOP 3’ ปั้นได้ 4,901 ล้าน

     ส่วน “ขายตรงน้องใหม่” มาแรงแห่งยุค!! ที่เพิ่งเปิดทำการมาได้เพียง 5 ปี แต่สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือน ไปได้ทั้งวงการนั่นคือ บริษัท เอม สตาร์ เน็ทเวิร์ค จำกัด ภายใต้การบริหารงานของ “ทญ.ลพา วัชรศรีโรจน์” ที่ออกตัวแรงตั้งแต่ต้นปี 2553 กับ เป้าหมายยอดขายที่ 15,000 ล้านบาท ประกาศตัวขอโค่นแชมป์!!

     ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2554 ได้มีการเปิดตัวเลขสรุปผลประกอบการอย่างเป็นทางการออกมาเป็นที่เรียบร้อย!! โดยมีตัวเลขอยู่ที่ “4,901 ล้านบาท” !!

     ยอดดังกล่าวแม้จะ “พลาดเป้าหมาย” การโค่นแชมป์ แต่จากตัวเลขที่ปรากฏ ยังคงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นไม่น้อย เพราะเพียงระยะเวลา 5 ปี ขณะนี้! “เอมสตาร์” ได้ก้าวขึ้นสู่แท่น “TOP 3” ของวงการ MLM ไทยเป็นที่เรียบร้อย แล้ว อีกทั้งในช่วงปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าค่ายนี้สร้างพลังดูดได้มากที่สุด เมื่อ แม่ทีมจากหลายค่ายแห่กันมาร่วมธุรกิจ อยู่ที่นี่
อย่างไรก็ดีสำหรับเป้าหมายในปี 2554 นี้ “ทญ.ลพา” ยังคงยืนยันเป้าหมายที่ตัวเลขเดิมคือ 15,000 ล้านบาท!!

‘ซูเลียน’ โตเงียบดันยอดสู่ 4,400 ล้าน

     ไปทางด้านของ บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด บริหารโดย “ดร.ปิยะวัชร์ บุญยืนยงสกุล” ที่ขอโตเงียบแบบ “ไม่แคร์สื่อ” มีแนวรุกที่โดดเด่นคือการสร้าง “ซูเลียนคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์” ที่มีขนาดความจุสุดอลังการ สามารถรองรับสมาชิกเข้าร่วมธุรกิจได้มากกว่า 10,000 คน

     ล่าสุด! คว้ายอดปี 2553 ไปได้ที่ ประมาณ 4,400 ล้านบาท!! เติบโตขึ้นกว่าปี 2552 ประมาณ 24% จากที่มียอดขายอยู่ที่ตัวเลข 3,600 ล้านบาท

‘นีโอไลฟ์’ โตต่อเนื่องพุ่งชน 2,700ล้านบาท

     ไม่หวั่นแม้โดนสื่อนอกวงการโจมตี บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่นำทัพโดย “นพรุจ เวชกุล” ในปี 2552 ก็เคยทำยอดทะลุเป้าไปแล้วที่ตัวเลข 1,850 ล้านบาท

       มาปีนี้มองข้ามไม่ได้จริงๆ สำหรับค่ายนี้ เมื่อต้นปีตั้งเป้าหมายไว้ที่ 2,500 ล้านบาท แต่บทจะแรงอะไรก็เอาไม่อยู่! เพราะจากอัตราการเติบโตในแต่ละเดือนของนีโอไลฟ์ ก้าวกระโดดไปมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากการรุกสื่อโฆษณาทุกด้านทั้งสื่อสิ่งพิมพ์และโทรทัศน์ ที่มีทั้งสถานีของตัวเองและการโปรโมทออกช่องทีวีอื่น ทำให้ยอดสิ้นปี 2553 ที่ 2,700 ล้านบาท หรือโตเพิ่มขึ้นเกือบ 50% กลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาในทันที!!

‘คังเซนฯ’ โดนปัจจัยลบศก.ทรงตัวยอด 2,300 ล้าน

      เป็นอีกค่ายที่ถูกหางเลขจากปัญหาทางด้านเศรษฐกิจการเมือง จนทำให้ปี 2553 ที่ผ่านมา “อิทธิศักดิ์ อำพันยุทธ์” บอสหนุ่มแห่ง บริษัท คังเซน-เคนโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ยอมรับว่ายอดธุรกิจในปีที่ผ่านมา คงอยู่ในระดับทรงตัว หรือที่ประมาณ 2,300 ล้านบาท ใกล้เคียงกับยอดขายของปี 2552

แต่อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ไม่หวั่นไหวกับเรื่องดังกล่าว ยังพร้อมที่จะคิดกลยุทธ์ออกมาช่วยนักธุรกิจขยายตลาดให้ง่าย ยิ่งขึ้นอย่างสม่ำเสมอ พร้อมมีการจัด โปรโมชั่นท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี เป็นการสร้างกำลังใจการกระตุ้นยอดขาย โดยในแต่ละครั้งยังคงมีผู้นำที่สามารถพิชิตยอดได้ไม่ลดน้อยลง

‘นูสกิน’ เปิดแชมเปญฉลองทะลุ 2,000 ล้าน

     แม้จะโดนพิษการชุมนุมทางการเมืองเล่นงาน จนต้องปิดสำนักงานใหญ่ ไปเป็นอาทิตย์เพราะอยู่ใจกลางพื้นที่เกิดเหตุพอดี แต่ล่าสุดทีมผู้บริหาร บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย “เมลิซ่า คีอาโน่” และ “ภคพรรณ ลีวุฒินันท์” ก็ออกมาเปิดแชมเปญ ฉลองความสำเร็จ ยอดขายปี 2553 ทะลุ 2 พันล้านบาท เติบโต 40% มียอดนักธุรกิจสูงขึ้น 50% พร้อมมียอดสมาชิกใหม่สูงขึ้น 50% ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

     โดยปัจจัยบวกหลักมาจากผลิตภัณฑ์ ageLOC มาแรง ดันสัดส่วนยอดขายสูงถึง 35% จึงขอตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 30% หรือ 2,600 ล้านบาท และเพิ่มยอดผู้ทำธุรกิจ 35%

‘ยูนิซิตี้’ ขึ้น 2,000 ล้านหายใจรดต้นคอ

     มาแรงอีกค่าย แถมสร้างความฮือฮาด้วยการโปรโมทความสำเร็จนักขาย ด้วยรถสปอตสุดหรู “ลัมโบกินี่” สำหรับ บริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ที่ “คริสโตเฟอร์ คิม” ออกมาเปรยให้ฟังว่า บริษัทฯ ก้าวขึ้นสู่แท่น 2,000 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อย มีอัตราการเติบโตจากปีก่อนหน้าประมาณ 20% แม้จะไม่ยอมเปิดเผยตัวเลขให้ชัดเจน แต่ข่าววงในแว่ว มาว่าฉิวเฉียดเข้าใกล้ยอดของ “นูสกิน” เพียงไม่กี่หลัก มียอดสมาชิกประมาณ 4 แสนรหัส

‘จอยแอนด์คอยน์’ ดันสู่ 1,500 ล้าน

     สำหรับต้นแบบขายตรงสะดวก ซื้อค่ายนี้ บริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่นั่งบริหารงานโดย “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” ถือว่ารุกได้ถูกทางแหวกตลาดขายตรง ด้วยการ ตัดสินใจเปิด “จอยมาร์ท” สร้างแบรนด์จนแข็งแกร่ง ขยายสาขาไปทั่วประเทศ

     ในปี 2552 นั้น บริษัทฯ สร้าง ยอดไปได้ที่ตัวเลข 1,200 ล้านบาท จากข้อมูลที่ “ดร.สมชาย” ได้เปิดเผยถึง อัตราการเติบโตในแต่ละเดือนนั้น ทำให้ ปีที่ ผ่านมาน่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ประมาณ 25% สวนกระแสเศรษฐกิจ หรือถ้าบอกเป็นตัวเลขกลมๆ “จอย แอนด์ คอยน์” จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาทในปี 2553

‘เอเจล’ ปั้นยอดทะลุ 1,000 ล้าน

     ส่วนค่าย “เด็ดแล้วดูด” อย่าง บริษัท เอเจล เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่สร้างกระแสโปรโมทความสำเร็จผู้นำด้วยรถ “เฟอร์รารี่” ปี 2552 เคยสร้างยอดขายได้ 900 ล้านบาท มาปี 2553 แนวรุกนอกจากการปรับแผนแล้ว ยังมีการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาช่วยหนุนให้ทำตลาดง่ายขึ้น

     ทั้งยังมีกลุ่มแม่ทีมใหญ่จากอีกค่ายมาช่วยดันยอด ทำให้ปี 2553 “เอเจล” น่าจะจบลงที่ตัวเลข 1,200 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตไม่น้อยกว่า 20%

     ชอย่างไรก็ตาม จากตัวเลขผลประกอบการข้างต้น บ่งบอกได้ว่า “ความเปลี่ยนแปลง” เกิดขึ้นได้อยู่เสมอ ปีนี้หลายค่ายคงต้องรีบหันมาปรับกลยุทธ์สู้กันใหม่ อย่างที่มักจะมีคนบอกว่าการ “พิชิตยอด” ว่ายากแล้ว แต่การ “รักษาระดับ” ให้คงอยู่ในที่ตั้งเดิมนั้นยากยิ่งกว่า!!